นาฬิกาข้อมือแฟชั่น LED เท่ๆ

Photobucket

วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

สวัสดีปีใหม่ 2013 (บทความพิเศษ)

       สวัสดีปีใหม่...ลูกค้าทุกท่านด้วยนะค๊าบ  ขอขอบคุณจากใจจิง ๆ ของพวกเรา  ทีมงานสกายไทยแลนด์   ที่ได้ให้การสนับสนุนสินค้าในร้านของเรามาโดยตลอดไม่ขาดสาย  และในปีข้างหน้า  2013  ทางทีมงานของเรามีการปรับปรุงและเพิ่มเติมสินค้ามากขึ้นอย่างแน่นอน  และที่ขาดไม่ได้นาฬิกาแฟชั่น  ในรูปแบบพรีออร์เดอร์  มีให้ลูกค้าทุกท่านได้มีทางเลือกเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน  สามารถติดตามและอ่านข้อมูลข่าวสารได้จากบล๊อกและเวปไซด์หลักของเรา www.skythailandshop.com  นะค๊า.บ  สำหรับลูกค้าท่านใดที่สนใจซื้อนาฬิกาเป็นของขวัญของฝากช่วงสิ้นปีนี้  ทางทีมงานขอเรียนว่า  ขณะนี้นาฬิกา LED รุ่นซามูไร  หมดแล้วนะค๊า..บ   ส่วนในรุ่นอื่น ๆ ยังมีวางจำหน่ายที่เวปไซด์ของเราตามเดิม  ส่วนออรเดอร์นาฬิกาของขวัญของฝากในช่วงเทศกาลปีใหม่ทางเราขอเลื่อนการจัดส่งเป็นช่วงหลังปีใหม่ไปแล้วนะค๊า.บ  เนื่องจากที่ทำการไปรษณีย์ปิดหลายวัน   ยังไง  ยังไง  ทีมงานสกายไทยแลนด์ ขอขอบคุณลูกค้าทุกท่านอีกครั้งนะค๊า..บ



        ขออวยพรลูกค้าทุกท่าน  ทั้งลูกค้าเก่า  ลูกค้าใหม่  ทั้งผู้ที่สนใจสินค้าในเวปแต่ยังไม่ได้เป็นลูกค้า ขอให้ทุกท่านพักผ่อนอย่างมีความสุข  เดินทางปลอดภัยตลอดเทศกาลปีใหม่  ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ท่านเชื่อหรือเคารพนับถือ  ดลบันดาลให้ทุกท่าน มั่งมี  ศรีสุข  คิดสิ่งใด  วางเป้าหมายใดๆ ไว้ขอให้ประสบแต่ความสำเร็จทั้งชีวิตการงานและชีวิตส่วนตัว  ชีวิตครอบครัว  ให้มีแต่ความเจริญก้าวหน้าในทุก ๆ ด้าน  จากใจทีมงานสกายไทยแลนด์ shop ดอทคอม





    2013  พบกับสินค้าตัวใหม่ ๆ  นาฬิการุ่นใหม่ ๆ  สินค้าพรีออร์เดอร์  มากมายที่  skythailandshop  แน่นอนค๊า..บ


      ซาหวัดดีปีใหม่....
























วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ตำนานพ่อมดนาฬิกา เซอร์วุดเดอร์มาน


      ตำนานความยิ่งใหญ่ลงอีกฉาก สำหรับพ่อมดแห่งโลกนาฬิกา เซอเวอริน วุนเดอร์มานผู้ก่อตั้งและบุกเบิกนาฬิกาเรือนหรู โฆรุ่มจากโลกนี้ไปอย่างสงบด้วยอาการเส้นโลหิตในสมองอุดตันเฉียบพลัน เมื่อคืนวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ปราสาทส่วนตัวในเมืองนีซ ทางใต้ของฝรั่งเศส หลังจากที่ต้องทรมานกับโรคมะเร็งระยะสุดท้ายมานานกว่า 8 ปี  เส้นทางชีวิตของ เซอเวอริน วุนเดอร์มาน ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ เขาเกิดที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อปี ค.ศ. 1938 ในครอบครัวเชื้อสายยิว ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ครอบครัวของเขาต้องอพยพหนีภัยสงคราม ไปไกลถึงนครลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ วุดเดอร์มานไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา เขาต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้ชีวิตดีขึ้น กระทั่งในปี ค.ศ.1960 เมื่อเขาได้เป็นคนขับรถให้ อัลโด กุชชี่ด้วยความขยัน ใฝ่เรียนรู้ จึงได้พลิกชีวิตของ วุนเดอร์มานให้ก้าว สู่ตำแหน่งเจ้าของอาณาจักรกุชชี่นาฬิกาแต่ละรุ่นที่เกิดจากความคิดเขา ประสบความสำเร็จขายได้มากกว่าล้านเรือน ต่อมาในปี 1997 ครอบครัวกุชชี่ได้ขอซื้อกิจการคืน ทำให้เขาต้องเริ่มมองหานาฬิกาแบรนด์ใหม่ จนไปสะดุดตากับนาฬิกาหรู โฆรุ่ม” (CORUM) จากครอบครัวบานน์วาร์ท (Bannwart) และเจรจาขอซื้อเมื่อปี ค.ศ. 2000 จากนั้นเขาก็เริ่มร่ายมนต์วิเศษที่ทำให้โลกตะลึง กับพรสวรรค์ด้านคิดสร้างสรรค์ของเขาอีกครั้งหนึ่ง


        สิ่งที่ทำให้เขาได้รับการขนานนามว่า พ่อมดแห่งโลกนาฬิกา เพราะเป็นผู้นำในการออกแบบนาฬิกาหรูที่แปลกแหวกแนวไม่เหมือนใคร อาทิ โฆรุ่ม รุ่นบับเบิ้ล ที่สร้างกระแสนาฬิกาโอเว่อร์ไซส์จนฮือฮาไปทั่วโลก และด้วยความหลงใหล ที่มีต่อประเทศไทย เขายังได้ตั้งชื่อนาฬิกาเป็นภาษาไทยหลายรุ่น อาทิ รุ่นไก่ชน รุ่นหัวหิน และรุ่นบับเบิ้ล คุณพุ่ม


นอกจากโลดแล่นในธุรกิจโลกแห่งเวลาแล้ว วุนเดอร์มาน ยังเป็นนักสะสมงานศิลปะ ภาพวาด และเครื่องปั้นของศิลปินเอกของโลก สิ่งเหล่านี้ถือเป็นแรงบันดาลใจให้เขานำศิลปะมาประดับไว้บนหน้าปัดนาฬิกา ในรูปแบบที่ช็อกสายตาชาวโลก อาทิ รูปของซาตาน, โจรสลัด, หัวกะโหลก และตัวโจ๊กเกอร์ ซึ่งเกิดจากความคิดระหว่างความเป็นและความตาย ที่เขาต้องประสบจากการต่อสู้โรคมะเร็งที่กัดกร่อนร่างกายเขาไปทุกวินาที




      แม้ วุนเดอร์มาน ต้องจากโลกนี้ไปอย่างสงบในวัย 70 ปี แต่ผลงานที่สั่งสมมาตลอดชีวิต ทำให้เขาได้รับเกียรติจากรัฐบาลฝรั่งเศส มอบเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นอัศวินสูงสุด ในฐานะที่ช่วยรักษาและเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรมของฝรั่งเศส ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาชาวโลก รวมทั้งยังทิ้งผลงานล้ำค่า มากมายไว้ให้ชนรุ่นหลังได้ศึกษาอีกด้วย.


ขอขอบคุณบทความจาก   http://www.thairath.co.th/

สนับสนุนโดย www.skythailandshop.com














นาฬิกาบอกนิสัยเจ้าของ


เน้นหรูหรา นาฬิกาฝังเพชร หรือแบบที่มีตัวเรือนสีทองอร่ามจะ เป็นนาฬิกาของผู้มีความทะเยอทะยานสูง รักความหรูหราสมบูรณ์แบบ ชอบความเป็นหนึ่ง เจ้ายศเจ้าอย่าง แสวงหาความสุขและความสำเร็จให้แก่ชีวิต นอกจากนี้ยังเป็นคนกล้าแสดงออกและขยันขันแข็ง


นาฬิกาแบบสปอร์ต   ออก แนวนักกีฬาที่มีความแข็งแรง มีปุ่มควบคุมระบบการทำงานต่าง ๆ สารพัดรอบตัวเรือน เป็นนาฬิกาคู่กายของคนที่ดูเหมือนเป็นคนกระตือรือร้นอยู่เสมอ แต่ที่แท้แล้วจะมีพลังคึกคักในสิ่งที่ตนสนใจเท่านั้นในยามปกติแล้วจะปล่อยตัวเองสบาย ๆ ง่าย ๆ ไม่ดิ้นรนไขว่คว้ามากนัก แม้จะใฝ่รู้ หรือชอบเรื่องตื่นเต้นผจญภัยมากเพียงใดก็ตาม


นาฬิกาแบบมีตัวเลข   ผู้ที่ชอบนาฬิกาแบบที่เป็นตัวเลขมีตัวเลข 1 ถึง 12 อยู่บนหน้าปัด หรือแบบบอกเวลาเป็นชั่วโมงและนาที มักมีนิสัยใจคออ่อนไหวง่าย มีอารมณ์สุนทรีย์รักดนตรี ศิลปะ ฉลาดเฉลียวแต่ก็เป็นคนเจ้าอารมณ์อยู่เหมือนกัน ประมาณว่าใครทำอะไรไม่ถูกใจอาจเจอวีนได้


นาฬิกาแบบไม่มีตัวเลข   ผู้ ที่ชอบใส่นาฬิกาแบบที่มีปุ่มหรือขีดอยู่หน้าปัดแทนตัวเลข หรือหน้าปัดเกลี้ยง ๆ แบบไม่มีตัวเลขเลย เป็นคนที่มีบุคลิกธรรมดา แต่ก็มีความโดดเด่นเฉพาะเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มีนิสัยใจคอเป็นมิตร เสมอมีความคิดอ่านเป็นของตนเอง แต่ก็โอนอ่อนประนีประนอมได้ในบางครั้ง ไม่ชอบทะเลาะเบาะแว้งกับใคร


 นาฬิกาตัวเลขโรมัน  ใคร ที่ชอบนาฬิกาสไตล์นี้มักมีนิสัยใจคอสุภาพอ่อนโยน แต่อย่าทำให้โกรธเชียวเพราะโมโหร้ายมาก ตั้งความหวังในชีวิตไว้สูง มักคาดหวังถึงชีวิตที่สมบูรณ์แบบ เครียดง่ายถ้าทุกอย่างไม่เป็นดังที่หวังคนเช่นนี้มักเป็นคนละเอียดอ่อน เข้าใจคนอื่นได้ง่าย มีความรักสวยรักงาม รักเกียรติรักศักดิ์ศรี ชอบเก็บความรู้สึกเสมอ


นาฬิกาไฮเทค  ไม่ ว่าจะเป็นรูปแบบใด ๆ ก็ตาม เป็นนาฬิกาของคนที่ค่อนข้างชอบวัตถุนิยม รักความก้าวหน้า ทันสมัย มีความสนใจในความเป็นไปของสังคม รักอิสระ ขี้เบื่อง่าย ไม่ค่อยแคร์ใครและมีไอเดียแปลกใหม่เสมอ



คนที่หลงใหลนาฬิกาเป็นที่สุด  มากกว่า เครื่องประดับใด ๆ ทั้งแหวน กำไล สร้อยคอ เป็นคนที่มีความมานะอดทนสูง โรแมนติก แต่การแสดงออกนั้นขัดแย้งกับจิตใจ ตัวอย่าง ถ้าเป็นคนใจร้อนก็มักแสดงออกอย่างเงียบ ๆ นิ่ง ๆถ้าข้างในเป็นคนอ่อนโยน ก็กลับแสดงออกว่าเป็นคนแข็งกระด้าง


ชอบใส่กำไล มากกว่านาฬิกา  แสดง ว่าเป็นคนที่รักอิสระสูง ไม่ยอมให้สิ่งใด ๆ มาผูกพันหรือควบคุมการดำเนินชีวิตของตนเอง เหมือนไม่ชอบให้นาฬิกามาคอยกำหนดว่าถึงเวลาต้องทำโน่นทำนี่  ประมาณนั้น เป็นคนฉลาดรอบรู้ เข้ากับคนง่าย แต่ยากที่ใครจะเข้าใจเขาได้ลึกซึ้ง...???.



ขอขอบคุณบทความจาก :  http://www.veladeedee.com


สนับสนุนโดย www.skythailandshop.com












ประวัตินาฬิกา OMEGA


     OMEGA  ถือกำเนิดในปี 1848 ที่ La Chaux-de-Fonds โดย Louis Brandt  นักประดิษฐ์หนุ่มอายุเพียง 23 ปี ได้ประกอบนาฬิกาพกซึ่งใช้ชิ้นส่วนของนักประดิษฐ์ในท้องถิ่นและผลงานของเขาได้เริ่มสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้จัก  Louis Brandt มีบุตรชาย 2 คน คือ Louis Paul และ César Brandt เป็นผู้รับช่วงกิจการ และได้ย้ายบริษัทไปที่ Bienne ในดือนมกราคม 1880 เนื่องจากพร้อมทั้งด้านสิ่งอำนวยสะดวกและ กำลังคน โดยเริ่มจากโรงงานเล็กๆในเดือนมกราคม และได้ซื้อตึกทั้งหลังในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน จนกระทั่ง 2 ปีต่อมา ได้ย้ายไปที่ Gurzelen district of Bienne ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่และยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน


          Louis Paul และ César Brandt ได้ตายในปี 1903 ได้ทิ้งบริษัทผู้ผลิตนาฬิกาสวิสที่ใหญ่ที่สุด ด้วยยอดการผลิตนาฬิกา 240,000 เรือนต่อปี และพนักงาน 800 คน โดยการบริหารของกลุ่มคนหนุ่ม 4 คน ซึ่งผู้ที่อาวุโสที่สุดก็คือ Paul-Emile Brandt มีอายุเพียง 23 ปีด้วยความยากลำบากอันเกิดจากสงครามโลกครั้งที่ 1 OMEGA ได้ตัดสินใจรวมกิจการกับ Tissot ตั้งแต่ 1925 จนถึง 1930 ภายใต้ชื่อ SSIH  ในช่วงทศวรรษ 70 SSIH ได้กลายเป็น ผู้ผลิตนาฬิกาสวิสอันดับหนึ่งและเป็นอันดับ 3 ของโลก.  ปี1981 SSIH ได้ถูกซื้อกิจการโดยแบงก์ และในปี 1985 ธุรกิจได้ถูกควบกิจการโดยกลุ่มนักธุรกิจเอกชนกลุ่มหนึ่งภายใต้การบริหารของ Nicolas Hayek และเปลี่ยนชื่อเป็น SMH(Societe suisse de microelectronique et d'horlogerie) 





       ในปี 1998 ชื่อของ Swatch Group ได้ถูกเรียกขาน และได้รวมเอา Blancpain, Breguet และ OMEGA เข้ามาร่วมด้วย และแน่นอนชื่อของ OMEGA ก็ยังคงเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่สร้างชื่อที่สุดของ Swatch Group



เขียนโดย omegaman   จาก    http://watchmarker.blogspot.com/  















นาฬิกา Swiss-Made ผลิตจากที่ไหน


        ได้ยินเรื่องนาฬิกาที่เขียนบนเรือนว่า Swiss-Made กันมานานแล้ว จริงๆ แล้วมันหมายความว่าอย่างไร และไว้ใจได้แค่ไหนว่าเป็นนาฬิกาของสวิสเซอร์แลนด์ แดนแห่งนาฬิกาชั้นยอดของโลก  ประเด็นนาฬิกาสวิสเป็น "สวิส" มากแค่ไหนคือหัวใจของข้อถกเถียงในปัจจุบัน เรื่องก็มีอยู่ว่าโลกาภิวัตน์ และระบบเศรษฐกิจเสรีทำให้ชิ้นส่วนของนาฬิกา ซึ่งผลิตได้ถูกกว่าในประเทศอื่นๆ ถูกนำมาใช้ในการผลิตนาฬิกาสวิสมากขึ้นทุกที บริษัทผลิตนาฬิกาใหญ่ๆ ของสวิสเซอร์แลนด์ เช่น Swatch Group/Cie. Financi?reRichemont และ Rolex กังวลในเรื่องนี้เพราะเกรงว่าจะทำให้นาฬิกาสวิส ลดคุณค่าลงจึงเสนอให้ตั้งเงื่อนไขที่เข้มข้นกว่าเดิม ในการที่จะเรียกว่านาฬิกาใดเป็น Swiss-Made



      บริษัทผลิตนาฬิกาเล็กๆ ในสวิสเซอร์แลนด์มองว่าการทำให้เงื่อนไขเข้มขึ้นนี้แท้จริงแล้ว ก็คือการบ่อนทำลาย ให้บริษัทของตนล้มละลาย บริษัทเหล่านี้บอกว่าการเพิ่มคุณภาพของนาฬิกาสวิสคือคำตอบสุดท้าย ไม่ใช่สร้างเงื่อนไขที่เข้มขึ้น  ภายใต้กฎหมายสวิสปัจจุบันสิ่งที่เรียกว่า watch movement (ตัวจักรกลของนาฬิกาซึ่งประกอบด้วยส่วนประกอบสำคัญ เช่น กลไกกำหนดการทำงาน) ที่ผลิตในสวิสเซอร์แลนด์รวมกันต้องมีค่าไม่น้อยกว่าร้อยละ50 ของมูลค่าตัวเรือนจึงจะเข้าข่ายเรียกว่า Swiss-Made ได้ แต่เนื่องจาก watch movement นี้มีมูลค่าเพียงร้อยละ 15 ถึง 25 ของมูลค่าตัวเรือนเท่านั้นดังนั้น จึงหมายความว่าเพียงประกอบชิ้นส่วนที่ผลิตในสวิสเซอร์แลนด์ที่มีมูลค่าเพียงร้อยละ 10 ของ ตัวเรือนก็เข้าข่ายเรียกได้แล้วว่า เป็น Swiss-Made พูดง่ายๆ ก็คือภายใต้กฎหมายสวิสเซอร์แลนด์ปัจจุบันนาฬิกาที่เรียกว่า Swiss-Made นั้นอาจมาจากชิ้นส่วนผลิตในสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งมีมูลค่าเพียงร้อยละ 10 ของมูลค่าตัวเรือนเท่านั้น อีกร้อยละ 90 ของมูลค่า มาจากชิ้นส่วนนอกประเทศก็ได้ (อาจมาจากจีนทั้งหมดก็เป็นได้)


      ผู้ผลิตรายใหญ่ที่กังวลบอกว่าปัจจุบันคล้ายกับการติดตั้งเบาะนั่งราคาแพง ที่ผลิตในสวิสเซอร์แลนด์เข้าไปในรถยี่ห้อหนึ่ง ที่ชิ้นส่วนผลิตนอกสวิสเซอร์แลนด์ทั้งหมดและก็สามารถขายมันไปโดยบอกว่าเป็นรถ Swiss-Made  บริษัทนาฬิกาเล็กๆ จำนวนมากที่เข้าข่ายเรียกกว่าSwiss-Made นั้นเล่นกลโดยใช้ชิ้นส่วนนอกประเทศเกือบทั้งหมด เหลือแต่เพียงชิ้นส่วนที่เป็นแผ่นหมุนเล็กๆ อยู่ข้างในเครื่องที่ขับเคลื่อนเมื่อผู้ใช้เคลื่อนไหวเท่านั้นที่ผลิตในสวิสเซอร์แลนด์ โดยมีมูลค่าประมาณร้อยละ 10 ของตัวเรือน   กลุ่ม Swatch (Omega คือยี่ห้อดัง) ร่วมกับ Richemont และ Rolex (ทั้งสามคือยักษ์ใหญ่ของ  Federation of the Swiss Watch Industry องค์กรตัวแทนผู้ผลิตที่ทรงพลังของประเทศ) พยายามผลักดัน  กฎเกณฑ์ที่เข้มข้นขึ้นเป็นมาตรฐานใหม่ โดยต้องการให้ระบุว่า ชิ้นส่วนผลิตในสวิสเซอร์แลนด์ต้องมีค่าอย่างน้อยร้อยละ 60 ของมูลค่าตัวเรือน และต้องการเกณฑ์อย่างน้อยร้อยละ 80 สำหรับนาฬิกาประเภทกลไกพิเศษหรือผลิตขึ้นมาเพื่อลูกค้าเฉพาะราย


        ผู้ผลิตรายเล็กเช่นนาฬิกา Swiss Railways Watch  ต่อต้านเพราะจะทำให้นาฬิกาของเขาแพงขึ้นอีกเท่าตัวและโต้เถียงว่ากฎใหม่จะทำลายคุณภาพของนาฬิกา Swiss-Made เพราะผู้ผลิตจะพยายามหาชิ้นส่วนราคา  ถูกจากต่างประเทศมาใช้ เพื่อจะได้สอดคล้องกับมูลค่าไม่เกินกว่าร้อยละ 40 ที่เหลือของตัวเรือน ที่ควรแก้ไขคือพัฒนาคุณภาพนาฬิกาสวิสทุกเรือนให้กันน้ำได้และบอกเวลาใช้อย่างแม่นยำ  การโต้เถียงก็เป็นไปเพื่อรักษาผลประโยชน์ของบริษัทตนเอง อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เชื่อว่ากฎหมายใหม่นี้ จะช่วยรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของคำว่า Swiss-Made และรักษาความเป็นเลิศของนาฬิกาสวิสไว้  กฎใหม่คาดว่าจะทำให้มีการนำเข้าชิ้นส่วนจากเอเชียน้อยลง จะทำให้กลุ่ม Swatch ซึ่งผลิตชิ้นส่วนให้แก่  นาฬิกายี่ห้อต่างๆ ในสวิสเซอร์แลนด์อยู่แล้วเข้มแข็งขึ้นคนสวิสมีงานทำมากขึ้น นาฬิกาสวิสถูกๆ ที่ "หลอก"ผู้คน ด้วยการนำเข้าชิ้นส่วนเกือบทั้งหมดจากต่างประเทศและนำมาขายในนาม Swiss-Made ก็จะหมดอนาคตไป


          ใครที่บ้าคลั่งนาฬิกาสวิสฟังแล้วคงมีสติมากขึ้น Swiss-Made มีความหมายไม่มากนักภายใต้กฎหมายสวิส  ปัจจุบัน และไม่ได้หมายความอย่างเดียวกับ Made in Switzerland  ในโลกปัจจุบันยากที่จะหาสินค้าอุตสาหกรรมใดที่ทุกชิ้นส่วนผลิตขึ้นภายในประเทศใดประเทศหนึ่ง ดังนั้น คำว่า " Made in " ประเทศใดจึงมีความหมายที่เบลอ และนำไปสู่ความเข้าใจที่ผิดๆ  ผ้าไหมไทยที่ดูแสนจะ Made in Thailand นั้นแท้จริงแล้วเส้นไหมยืนของการทอต้องนำเข้าจากญี่ปุ่นเช่นเดียวกับสีย้อม ผ้าทอฝ้ายฝีมือชั้นยอดจากหมู่บ้านแสนไกลในแดนสยามนั้นมีโอกาสสูงมากที่ฝ้ายใช้ทอนั้นนำเข้าจากต่างประเทศ เนื่องจากบ้านเราผลิตฝ้ายได้น้อยกว่าที่ใช้ในแต่ละปีเป็นอันมาก


ขอบขอบคุณบทความจาก   อาหารสมองโดย   : วีรกร ตรีเศศ

สนับสนุนโดย www.skythailandshop.com














นาฬิกาข้อมือเรือนแรก


ประวัตินาฬิกา Rolex

   Rolex ก่อตั้งขึ้นในปี คศ.1908 โดย ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ (Hans Wilsdorf) ชาวเยอรมัน ซึ่งในตอนแรกใช้ชื่อบริษัทว่า วิลส์ดอร์ฟแอนด์เดวิส โดยที่เข้าหุ้นกับน้องเขยซึ่งในขณะนั้น การผลิตนาฬิกาแบบพก (Pocket Watch) ส่วนใหญ่ผลิตที่สวิสเซอร์แลนด์ยังประสบปัญหา ในการทำให้มีขนาดเล็กแต่เที่ยงตรงและแม่นยำเชื่อถือได้เพื่อนำมาใส่ในตัว เรือนนาฬิกาข้อมือ วิลส์ดอร์ฟ เป็นผู้แสวงหาความสมบูรณ์แบบในการพัฒนาเครื่องให้มีขนาดเล็กแต่เที่ยงตรง เพื่อนำมาใช้กับนาฬิกาข้อมือ ที่สามารถสื่อถึงสไตล์ แฟชั่น และรสนิยม ซึ่งในระยะแรกได้ให้ Aegler บริษัทเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในสวิสเป็นผู้ผลิตเครื่องให้
         

      ในปี 1910 Rolex ได้ส่งนาฬิกาไปที่ School of Horology และได้รับรางวัลในฐานนาฬิกาข้อมือเรือนแรกของโลกที่ได้ Chronometer Rating ความเที่ยงตรงและเชื่อถือได้นี้เกิดจากการปฏิวัติรูปแบบใหม่ทำให้สามารถกัน น้ำและฝุ่นเข้าตัวเรือนได้โดยการคิดระบบมะยมแบบเกลียว(Screw Crown) ขึ้น ซึ่งนาฬิกากันน้ำเรือนแรกนี้ถูกนำมาโฆษณาอย่างชาญฉลาดโดยทำเป็นอะควาเรียม คือโชว์หน้าร้านโดยมีนาฬิกาอยู่ในโลกใต้ทะเลอันเป็นการแสดงให้เห็นถึง คุณสมบัติการกันน้ำได้อย่างชัดเจน ซึ่งก่อนหน้านี้คนส่วนใหญ่ยังแคลงใจว่านาฬิกาจะกันน้ำได้จริงหรือไม่ นี่เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นของชื่อเสียงที่ทำให้โรเล็กซ์ดังไปทั่วโลก

ปี 1928 Rolex Prince ได้ชื่อว่าเป็นนาฬิกาที่ขายดีที่สุดจากดีไซน์สี่เหลี่ยม 2 หน้าปัด
ปี 1931 Rolex ได้ประดิษฐ์ Rotor รูปครึ่งวงกลมซึ่งหมุนได้อย่างอิสระที่ทำให้เกิดระบบ Perpetualอัตโนมัติขึ้น

          วิลส์ดอร์ฟ ไม่ใช่ผู้ผลิตนาฬิกาข้อมือเรือนแรก แต่เขาต้องการเป็นผู้ประดิษฐ์นาฬิกาที่เที่ยงตรง(Accurate) และเชื่อถือได้ (Reliable) ให้ได้เป็นเรือนแรกของโลก ซึ่งในปี 1926 โรเล็กซ์ได้สร้างความตื่นตะลึงให้แก่วงการด้วยรุ่น Oyster ระบบมะเย็มเกลียว และซีลยางเป็นการล็อค 2 ชั้นไม่ให้ฝุ่นและความชื้นเข้า โดยเขาตั้งชื่อมันจากการรำลึกถึงความยากลำบากในการเปิดหอย Oyster ในงานเลี้ยงคืนหนึ่ง การสร้างกระแสนิยมให้กับนาฬิกาของเขา วิลส์ดอร์ฟเลือกวิธีได้อย่างชาญฉลาด เขาได้ให้นักว่ายน้ำที่เตรียมการณ์ว่ายน้ำ ข้ามช่องแคบอังกฤษซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของสาธารณชนในสมัยนั้น โดยสาวอังกฤษนาม Mercedes Gleitzeสวมใส่โรเล็กซ์พร้อมด้วยช่างภาพตามเก็บภาพอย่างใกล้ชิด ในที่สุด Gleitze ก็สามารถพิชิตช่องแคบอังกฤษลงได้พร้อม ๆ กับนาฬิกาโรเล็กซ์ บนข้อมือซึ่งยังคงทำงานของมันอย่างเที่ยงตรงไร้ที่ติ วิลส์ดอร์ฟประโคมข่าวหน้าหนึ่งในนสพ.ลอนดอน เดลิเมล์ อย่างครึกโครมว่า "นาฬิกามหัศจรรย์ ! กันน้ำ กันร้อน กันสะเทือน กันหนาว และกันฝุ่น" ไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิลส์ดอร์ฟได้สร้างหัวข้อสนทนาขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นการรณรงค์โฆษณาที่ประสบความสำเร็จที่สุดมาจนทุกวันนี้


     จุดอ่อนบาง ประการของ Oyster ถ้าจะมีก็คือปุ่มหมุนไขลานตั้งเวลา ดังที่ทราบกันว่านาฬิการะบบกลไกจะต้องมีการหมุนปุ่มตั้งสม่ำเสมอ และ Oyster จะกันน้ำกันฝุ่นได้ก็ต่อเมื่อมะยมเกลียวถูกขันให้อยู่ในตำแหน่งปิด การหมุนปุ่มบ่อย ๆ ทำให้โอกาสที่น้ำและฝุ่นจะเข้ามีเพิ่มมากตามลำดับ ดังนั้นเพื่อลบจุดอ่อนนี้ โรเล็กซ์ได้สร้างรุ่น Perpetual ออกสู่ตลาด กุญแจคือ Rotor เป็นตัวสร้างพลังสำรอง จากการเคลื่อนไหวของผู้สวมใส่เอง ใช่แล้ว นาฬิการะบบออโตเมติกที่ประสบความสำเร็จสูงสุดเรือนแรกของโลกได้เกิดขึ้นแล้ว ในปี 1931 ซึ่งทำให้โรเล็กซ์สร้างอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ขึ้น ว่ากันว่า Rolex Oyster Perpetual ได้ทำให้ Rolex เป็น Rolex นั่นเอง

อีกกว่า 70 ปีที่ผ่านมา Oyster ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นของคุณภาพภายใต้สภาพการณ์ทดสอบแบบสุดขั้วต่าง ๆ เช่น การดำไปใต้ทะเลลึกกับ Jacques Piccard การขึ้นยอดเขาเอเวอร์เรสกับ เซอร์เอ็ดมุนด์ ฮิลลารี่ การทดสอบในอุณหภูมิขั้วโลก ในทะเลทรายซาฮาร่า รวมทั้งสภาวะไร้น้ำหนักในอวกาศ ทั้งเรื่องเล่าเกี่ยวกับอุบัติเหตุเครื่องบินตก เรือล่ม ตกจากที่สูง โรเล็กซ์ที่ถูกเผลอนำเข้าเตาอบ 500 องศา เข้าเครื่องซักผ้า เหล่านี้ ไม่เคยทำให้โรเล็กซ์ที่ซ่อมแซมแล้วกลับมาเดินเที่ยงตรงอีกไม่ได้

เขียนโดย omegaman  จาก    http://watchmarker.blogspot.com/  

สนับสนุนโดย www.skythailandshop.com















นาฬิกาข้อมือแฟชั่น LED เท่ๆ

Photobucket